
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก แต่ภาษาอังกฤษที่ใช้ในแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างภาษาอังกฤษแบบบริติช (British English) และภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน (American English) ซึ่งทั้งสองแบบนี้มีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน
ความแตกต่าง
- คำศัพท์: คำศัพท์บางคำมีความหมายเหมือนกัน แต่เขียนต่างกัน ตัวอย่างเช่น
- color (อเมริกัน) / colour (บริติช)
- favorite (อเมริกัน) / favourite (บริติช)
- center (อเมริกัน) / centre (บริติช)
- การออกเสียง: สำเนียงบริติชและอเมริกันมีความแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น
- คนอเมริกันมักไม่ออกเสียงตัว “r” ในตอนท้ายของคำ
- คนอเมริกันออกเสียงสระ “a” ในคำว่า “bath” และ “last” ต่างจากคนอังกฤษ
- คนอังกฤษออกเสียงสระ “o” ในคำว่า “water” ต่างจากคนอเมริกัน
- ไวยากรณ์: ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษแบบบริติชและอเมริกันมีความคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น
- คนอเมริกันใช้คำกริยา get แทนคำกริยา have ในบางประโยค
- คนอเมริกันใช้กริยา can แทนกริยา may ในบางประโยค
- คนอังกฤษใช้คำว่า whilst แทนคำว่า while
ความเหมือน
- ไวยากรณ์: ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษแบบบริติชและอเมริกันมีความคล้ายคลึงกันมาก
- คำศัพท์: คำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบบริติชและอเมริกันมีความหมายเหมือนกันมากกว่า 90%
- ความเข้าใจ: ผู้พูดภาษาอังกฤษแบบบริติชและอเมริกันสามารถเข้าใจซึ่งกันและกันได้
การใช้ภาษาอังกฤษแบบไหน
การใช้ภาษาอังกฤษแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับบริบท หากต้องการสื่อสารกับคนอังกฤษ ควรใช้ภาษาอังกฤษแบบบริติช แต่หากต้องการสื่อสารกับคนอเมริกัน ควรใช้ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน อย่างไรก็ตาม ภาษาอังกฤษทั้งสองแบบนี้มีความเข้าใจได้ง่าย ผู้เรียนภาษาอังกฤษจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะต้องใช้ภาษาแบบไหน สิ่งสำคัญคือ ควรฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาทักษะการพูด การฟัง การอ่าน และการเขียน