สระในภาษาไทยเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบเสียงในภาษาไทย ซึ่งมีทั้งหมด 21 รูป 21 เสียง การแบ่งประเภทของสระในภาษาไทยสามารถแยกได้เป็นสระเสียงเดี่ยวและสระประสม โดยมีรายละเอียดดังนี้:
สระเสียงเดี่ยว
สระเสียงเดี่ยวแบ่งออกเป็น 18 เสียง โดยแบ่งย่อยเป็นสระเสียงสั้นและสระเสียงยาว
สระเสียงสั้น
สระเสียงสั้นมีทั้งหมด 9 เสียง ดังนี้:
- อะ
- อิ
- อึ
- อุ
- เอะ
- แอะ
- โอะ
- เอาะ
- เออะ
สระเสียงยาว
สระเสียงยาวมีทั้งหมด 9 เสียง ดังนี้:
- อา
- อี
- อือ
- อู
- เอ
- แอ
- โอ
- ออ
- เออ
สระประสม
สระประสมในภาษาไทยมีทั้งหมด 3 เสียง โดยเป็นสระเสียงยาวทั้งหมด:
- เอีย
- เอือ
- อัว
สระประสมเสียงสั้น
นักภาษาศาสตร์ไม่นับสระประสมเสียงสั้น เช่น เอียะ เอือะ อัวะ เป็นสระประสม เนื่องจากสามารถใช้สระเสียงยาวแทนได้ แต่จัดให้เป็นเสียงย่อยของเสียงประสมสระเสียงยาว ดังนี้:
- เอียะ เป็นเสียงย่อยของ เอีย
- เอือะ เป็นเสียงย่อยของ เอือ
- อัวะ เป็นเสียงย่อยของ อัว
สระเกิน
สระเกินมีทั้งหมด 8 เสียง ได้แก่ อำ ไอ ใอ เอา ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ สระเหล่านี้ไม่นับเป็นเสียงสระเนื่องจากมีเสียงซ้ำกับสระเสียงเดี่ยวและมีเสียงพยัญชนะแทรกอยู่ จึงถือว่าเป็นพยางค์โดยสมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น:
- อะ + ม = อำ
- อะ + ย = ไอ
- อะ + ย = ใอ
- อะ + ว = เอา
- ร + อึ = ฤ
- ร + อือ = ฤๅ
- ล + อึ = ฦ
- ล + อือ = ฦๅ
สระในภาษาไทยมีทั้งหมด 21 เสียง ประกอบด้วยสระเดี่ยว 18 เสียงและสระประสม 3 เสียง ไม่รวมสระเกินและสระประสมเสียงสั้น การเข้าใจโครงสร้างและการออกเสียงของสระเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ